คีโคสีส โหมด (Ketosis) เป็นภาวะที่ร่างกายสามารถใช้ไขมันเป็นพลังงาน โดยที่ตับอ่อนสามารถผลิตคีโตน (Ketone) ได้จาก กรดไขมัน (Fatty acid) ไม่ว่าจะเป็นสารอาหารที่อยู่ในรูปของไขมันที่เรากินเข้า หรือ ไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกาย เพื่อเอาไปใช้เป็นพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ เซลต่างๆ รวมถึงเซลสมอง
คีโตน (Ketone) จัดว่าเป็นพลังงานที่สมอง สามารถนำไปใช้ได้ดี และ สะอาดกว่าการใช้กลูโคส เพราะฉะนั้น การที่เราเข้าสู่โหมด คีโตสีส เราจะมีสมาธิในการคิดหรือทำงาน (Mental focus) มากขึ้น เมื่อสมองเราสามารถใช้คีโตนเป็นพลังงานได้แล้ว จะถือว่าเราเข้าสู่โหมดคีโตสิส โดยสมบูรณ์ ซึ่งการที่ร่างกายเราจะสร้างคีโตนได้นั้น สามารถเกิดขึ้นได้จาก
- การทำฟาสติ้ง หรือ การจำกัดการบริโภคอาหารให้อยู่ในช่วงเวลาที่กำหนด
- การกินคีโตเจนนิคไดเอท ที่มีการจำกัดการกินแป้งและน้ำตาล ซึ่งสารอาหารประเภทนี้จะถูกเก็บไว้ในรูปของไกลโคเจนในร่างกายและในตับ เมื่อเราจำกัดการกิน คาร์ปโบไฮเดต พอถึงจุดๆนึงร่างกายก็จะผลิดคีโดนเพื่อใช้เป็นพลังงานแทน
- การอดอาหารไปเลย หรือ Starvation
- การออกกำลังกายเป็นระยะเวลานานๆ (Prolong) หรือ แบบเข้มข้น (Intensive)
Ketone bodies are three water-soluble molecules (acetoacetate, beta-hydroxybutyrate, and their spontaneous breakdown product, acetone) that are produced by the liver from fatty acids[1] during periods of low food intake (fasting), carbohydrate restrictive diets, starvation, prolonged intense exercise.
เราจะตรวจวัดได้อย่างไร ว่าร่างกายเรามีการสร้างคีโตน
เราสามารถตรวจหาค่า คีโดนได้จาก
- การตรวจหาค่า Acetoacetic acid โดย Ketone Strip ตรวจจากปัสสาวะ
- การตรวจหาค่า Acetone โดยใช้ Breath Analyser ตรวจจากลมหายใจ
- การตรวจหาค่า beta-hydroxybutyrate โดยใช้เครื่องตรวจวัดคีโดนจากเลือด
อย่างไรก็ตาม การตรวจเจอค่าคีโดนในร่างกาย ไม่ว่าจะตรวจจาก ปัสสาวะ ลมหายใจ หรือ จากกระแสเลือด ไม่ได้หมายความว่า ถ้ามีค่าเหล่านั้นสูงๆ คุณจะเผาพลาญไขมันได้สูงตาม แค่เป็นตัวบ่งบอกว่า ร่างกายเราสามารถผลิตคีโตนออกมาได้แล้วเท่านั้น…. แต่ในวงการ จะเชื่อถือการตรวจค่า เบตา-ไฮดรอกซี บูเดเรท โดยการตรวจจากกระแสเลือด ว่าเป็นการตรวจที่แม่นยำที่สุด (Golden Standard)
ตารางแสดงค่าระดับของ คีโตน ในกระแสเลือด (beta-hydroxybutyrate)
- ต่ำกว่า 0.5 mmol/l จะยังไม่ถือว่าเข้าโหมด “คีโตสีส” โดยคนทั้วไป (ที่ไม่ Fat adapted) เราจะมีค่าคีโดน ในตอนเช้าประมาณ 0.1-0.2 mmol/l เนื่องจาก การทำฟาสติ้ง ในช่วงที่เราหลับ แต่ค่านี้ยังถือว่าห่างไกลจากการที่จะได้รับประโยชน์ในเรื่องการเผาพลาญไขมัน
- ค่าระหว่าง 0.5-1.5 mmol/l ถือว่าอยู่ใน คีโตสีสแบบอ่อนๆ (light nutritional ketosis) ถ้าอยู่ในช่วงนี้จะถือว่าคุณจะได้รับประโยชน์ในเรื่องการเผาพลาญไขมัน แต่ยังไม่มีประสิทธิภาพเต็มที่
- ค่าระหว่าง 1.5-3 mmol/l เรียกว่าเป็นช่วงที่ ร่างกายและสมองสามารถใช้คีโดนเป็นพลังงานได้อย่างเต็มที่ที่สุด
- ค่าที่มากกว่า 3 mmol/l เราไม่จำเป็นต้องมีค่าที่มากกว่านี้ ค่าที่สูงขึ้นกว่านี้ อาจจะหมายถึง คุณไม่ได้รับสารอาหารเลยเป็นเวลานาน (Starvation ketosis), สำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวาน ประเภท 1 อาจเกิดขึ้นได้จากการขาดอินซูลิน อย่างรุนแรง และ ต้องเข้ารักษาอย่างทันที
- ค่าที่สูงอยู่ระหว่าง 8-10 mmol/l โดยปรกติจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้จากการกิน คีโตเจนนิค ไดเอท ค่าระดับสูงลักษณะนี้ จะเป็นได้ในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภท 1 ที่มีระดับอินซูลินต่ำมากๆ ซึ่งถ้ามากกว่า 10-30 mmol/l จะพัฒนาไปเป็น Ketoacidosis หรือ ระดับคีโตนเป็นกรด ได้ ต้องหาแพทย์เป็นการด่วนที่สุด
ถ้าเราไม่มีเครื่องตรวจวัด เราจะทราบได้อย่างไร?
มันจะมีตัวบ่งบอกบางอย่าง ที่เรามักจะใช้ในการสังเกตุตัวเองอย่างง่ายๆ สำหรับคนที่กำลังเข้าสู่โหมด คีโตสีส หรือ กำลังอยู่ในโหมด คีโตสีส ดังต่อไปนี้ ในกรณีที่เราไม่มีอุปกรณ์ตรวจวัด
- กลิ่มลมหายใจ
- สาร Acetone จะถูกขับออกทางลมหายใจ และ เมื่อมันผสมกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะมีกลิ่นแปลกๆ เฉพาะตัว บางคนจะบอกว่ากลิ่นเหมือน น้ำยาล้างเล็บ, ผลไม้, ชีส, ฯลฯ เราสามารถจะจำกลิ่นนี้ได้หลังจากเราทำคีโตไดเอทมาจนร่างกายปรับเข้าสู่โหมด คีโตสีสแล้ว
- น้ำหนักลง
- ในช่วงแรก ผู้ปฏิบัติจะมีน้ำหนักตัวที่ลดลงอย่างเร็ว แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นน้ำหนักของน้ำในร่างกายที่ถูกขับออกมา
- ปากแห้งและหิวน้ำบ่อย
- ร่างกายจะขาดน้ำ เพราะฉะนั้น จึงแนะนำให้ดื่มน้ำเยอะๆ วันละ 1-3 ลิตรเลย
- ปัสสาวะบ่อย
- ร่างกายจะขับน้ำออกทางปัสสาวะ เราจึงปัสสาวะบ่อย ถี่ และ มีกลิ่น/สีของปัสสาวะจะเข้ม สิ่งที่ถูกขับออกมาด้วยจะเป็นพวกเกลือแร่และแร่ธาตุต่างๆ เราจึงต้องเสริมด้วยการดื่มน้ำ และ เกลือ (Sodium), โปแตสเซียม (Potassium), และ แมกนีเซียม (Magnesium)
- อาการ Keto Flu สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้น ซึ่งแต่ละคนจะมีอาการไม่เหมือนกัน อาจมีหลายอย่างผสมกัน หรือ อาจจะไม่มีเลยก็ได้ รวมทั้งความหนักเบา ก็อาจจะแตกต่างกันด้วย อาการ keto flu มักจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน แต่เราอาจจะ
- อาการไข้ต่ำๆ 1-2 วัน
- ปวดหัว คลื่นไส้ ไม่มีแรง
- ท้องเสีย (อาจจะต้องลดปริมาณของ ไขมันอิ่มตัวลง ให้กินผักและถั่วเพิ่มขึ้นแทน)
- ท้องผูก (แก้ด้วยการกิน แมกนีเซียม เสริม)
- อยากกินแป้ง น้ำตาล ขนม อย่างหนัก (Sugar craving)
- อาการคันตามผิวหนัง
- อาการเกิดตะคริวได้ง่าย แม้กระทั่งตอนนอนหลับ (แนะนำให้กินผักเพิ่ม หรือ เสริมด้วยวิตามินโดยเฉพาะ โปแตสเซียม ซึ่งมีเยอะในผักใบเขียว)
อาการข้างเคียงที่เป็น Good sign ที่ดี
- หิวน้อยลง
- มีสมองที่ปลอดโปร่งมากขึ้น
- หลับได้ดีขึ้น
- มีพลังงานกลับมา มากขึ้น และ ทนทานมากขึ้นตอนออกกำลังกายโดยเฉพาะ Endurance
ที่มาของข้อมูลต่างๆ: