ผลเลือดต่างๆ กับ การกินคีโตเจนนิคไดเอท และ การทำฟาสติ้ง

Posted by
ก่อนที่ผมจะแจ้งผลเลือดให้ดู เราคงต้องมาคุยกันก่อนนิดนึงครับ
ทุกคนในเพจนี้ก็คงจะทราบว่า การกินไขมันไม่ได้ทำให้อ้วน (ยกเว้นพวกเกิดมาเพื่อกิน), การกินแป้งน้ำตาลบ่อยและมากเกินไปทำให้เกิดการอักเสบในร่างกายและส่งผลให้เป็นโรคร้าย อย่างเช่น เบาหวาน, มะเร็ง, ความดัน, โรคหัวใจ, อัลไซเมอร์, และอื่นๆอีกมากมาย
นอกจากนั้นคำว่า อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด ก็ไม่ใช้เรื่องจริงสำหรับมนุษย์ เพราะว่า จริงๆแล้วเราไม่จำเป็นต้องกินอาหารเมื่อตอนตื่นนอน อันนั้นเป็นพวกที่ติดแป้งน้ำตาล ที่เมื่อระดับกลูโคสตกลง สมองจะสั่งงานให้กินทันที
การกินคีโต เป็นการปรับร่างกายตัวเองให้สามารถ ใช้พลังงานจากไขมันมาแทนการใช้กลูโคส เราจึงไม่มีอาการหิวบ่อยๆ
คราวนี้มาถึงเรื่องผลเลือด ผมไม่แน่ใจว่าใครบ้างได้ตรวจผลเลือดเก็บไว้บ้าง สิ่งที่เราถูกสอนมาตลอด และ ผมเชื่อว่าบุคคลากรทางการแพทย์เกือนจะทุกคน จะบอกว่า ถ้าคุณมี คอลเลตเตอรอล กับ LDL-C สูง คุณจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจอุดตัน ต้องกดกินของมัน ของทอด ไขมันสัตว์ ไข่แดง
เอ้า… พวกนี้นี้มันเป็นอาหารหลักของพวกเราเลยนะ งั้นกินคีโต มันเป็นหนทางสู่ความหายนะสิ
ความเชื่อที่ว่า คอลเลสเตอรอลสูง และ LDL-C สูงจะทำให้เกิดโรคร้าย ได้ถูกพิสูจน์มาแล้วว่าไม่จริง ค่าทั้งสองนี้ ไม่ได้มีความแปรผันโดยตรงกับการเกิดโรคดังกล่าว
FAT (ไขมัน) ศัพท์ทางการแพทย์อีกอย่างเรียกว่า Lipids ซึ่งจะไม่ผสมกับน้ำ ลองเอาน้ำมันหยดลงไปในน้ำดู เราจะเห็นว่ามันจะไม่ละลายและไม่ผสมกับน้ำ ในร่างกายคนเราก็เช่นเดียวกัน ไขมันจะถูกพบในกระแสเลือดอยู่ 2 แบบคือ ไตรกลีเซอไลน์ (triglycerides) กับ คอลเลสเตอรอล (Cholesterol)
Triglycerides คือ fatty acid (กรดไขมัน) ที่เป็นที่เก็บพลังงานเพื่อที่จะนำไปให้ร่างกายใช้งานได้ในภายหลัง เป็นโมเลกุลสายยาว ที่จะถูกแยกตัวเป็น fatty acid กับ glycerol ที่จะถูกใช้ไปเป็นพลังงานต่อไป ซึ่ง glycerol นี้เองสามารถที่จะแปลงเป็นกลูโคสได้ถ้ามีมากเกินไป และอาจทำให้เป็นโรคเบาหวาน, โรคหัวใจ, หรือโรคร้ายแรงอื่นๆได้
*แต่ในกรณีที่เรากินคีโตเจนนิค เมื่อ glycerol ถูกนำไปแปลงเป็นกลูโคส โดยโปรเซสที่เรียกว่า glyconeogenesis กลูโคสนี้จะถูกเก็บในรูปไกลโคเจน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราไม่ต้องการอาหารที่อยู่ในรูปแบบของ คาร์โบไฮเดรตเลย เราก็สามารถอยู่ได้ ออกกำลังกายได้ดี
Cholesterol จะเป็นไขมันอีกรูปแบบที่อยู่ในร่างกายคนและสำคัญต่อการดำรงชีวิต ช่วยสร้างฮอร์โมนต่างๆ ช่วยในการดูซึมวิตตามิน อาศัยอยู่ในเซลทั่วทั้งร่างกาย ในผิวหนัง ในลูกตาเพื่อเป็นเหมือนน้ำหล่อลื่น ร่างกายคนเราจะผลืต Cholesterol จากตับและเซลอื่นๆอีกในร่างกาย โดยประมาณ 75% ที่ร่างกายต้องการ และ ได้อีก 25% จากไขมันดีต่างๆที่เรากินเข้าไป ซึ่งร่างกายเราสามารถผลิต Cholesterol ได้ถึง 3,000 mg ต่อวัน ถ้าวันไหนเรากินไขมันเข้าไปมาก ร่างกายก็จะผลิต Cholesterol น้อยลง แต่ถ้าเรากินไขมันน้อย ร่างกายก็จะผลิด Cholesterol มากขึ้น เพื่อที่จะให้เพียงพอต่อการนำไปใช้งาน จากที่กล่าวไป แสดงให้ถึงว่า การมีค่า Cholesterol ที่สูง ไม่ได้มีความน่ากังวลแต่อย่างใด
Cholesterol จะถูกส่งผ่านกระแสเลือดโดยโมเลกุลที่ ประกอบไปด้วยไขมันและโปรตีน ที่เรียกว่า lipoproteins โดยที่ lipoproteins จะมีหลายแบบ มีตั้งแต่ ความหนาแน่นน้อย ไป มาก เช่น chylomicrons, VLDL, IDL, LDL, HDL
เวลาเราไปตรวจเลือด มันจะมีค่า VLDL Cholesterol, LDL Cholesterol, HDL Cholesterol ซึ่งโมเลกุลพวกนี้ไม่ใช้คอลเลสเตอรอล แต่เป็น ยานพาหนะนำพา Cholesterol เท่านั้นเอง
LDL-C คือการเข้าสูตรคำนวณในการประมาณการณ์จำนวนของ LDL ในกระแสเลือดเท่านั้น จากการวิจัยใหม่ๆ ค่า LDL-C ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยว่าจะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจแต่อย่างใด แต่สิ่งที่บ่งบอกได้ดีกว่าคือ ค่า LDL-P (LDL-Particle) ถ้าขนาดของ LDL-P ยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่ ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น
อาจกล่าวได้ว่า ถ้าคุณมีค่า LDL-C ที่มาก แต่เป็น LDL-P ที่มีขนาดใหญ่ คุณจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันน้อยลงเท่านั้น
สิ่งที่อัตรายคือ ถ้าเรามี LDL ขนาดเล็กจำนวนมากในกระแสเลือด LDL พวกนี้จะสามารถมุดเข้าไปในผนังของเซลที่เกิดการอักเสบหรือเป็นแผลได้ ทำให้เกิดโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดนั้นเอง แต่ถ้า LDL มีขนาดใหญ่มันจะมีหน้าที่ไปช่วยรักษาบริเวณที่อักเสบให้กับร่างกายและถูกนำกลับมา recycled ที่ตับได้เมื่อมันทำหน้าที่เสร็จสิ้น
HDL หรือ คอลเลสเตอรอลตัวดี (Good cholesterol) เป็นยานพาหนะที่ตามไปเก็บ คอลเลสเตอรอลที่ถูกใช้งานโดยเซลร่างกาย แล้วนำมันกลับไปยังตับ เพื่อที่จะ recycled หรือ กำจัดทิ้งไป การที่เรามี HDL ในจำนวน 40-60 mg/dl (ในผู้ชาย) หรือ 50-60 mg/dl (ในผู้หญิง) และถ้าคุณมีระดับของ HDL มากกว่า 60 mg/dl จะเป็นกลุ่มที่เรียกว่า มีความเสี่ยงในการเป็นโรคที่เกี่ยวกับหัวใจต่ำมาก (low risk of cardiovascular illnesses)
อยากให้ไปหาอ่านเพิ่มเติมนะครับ เนื่องจากเรื่องคอลเลสเตอรอล เป็นเรื่องที่สลับซับซ้อนมากกว่าที่จะเขียนแปลให้อ่านตรงนี้ได้หมด แต่ได้มีข้อสรุปของข้อดีที่เกิดจากการกินคีโตเอาไว้ดังนี้
  • การกินคีโต สามารถเพิ่มจำนวนของ heart-healthy HDL cholesterol ได้มากกว่าการกิน low-fat diet
  • การกินแป้งและน้ำตาลให้น้อยลง สามารถเพิ่มจำนวนของ HDL ได้เช่นกัน
  • การกินคีโต สามารถลดความหนาแน่นของ LDL และทำให้ให้ขนาดของ LDL ใหญ่ขึ้น
  • การกินคีโต สามารถลดจำนวนของ VLDL ที่มีอันตรายลงได้

กลับมาเรื่องค่าเลือดของผม หลังจากทำ ฟาสติ้ง 7 วัน โดยไม่ได้กินอาหารที่มีแคลลอรี่เลย มีแต่เครื่องดื่ม อย่างเช่น น้ำเปล่า กาแฟดำ ชา น้ำต้มกระดูก โดยผมได้เอาค่าเลือดย้อนหลัง 4 ครั้ง

  1. ยังไม่ได้เริ่มกินคีโต
  2. กินคีโตได้ 1 เดือน
  3. กินคีโตได้ 6 เดือน
  4. ฟาสติ้งครบ 7 วัน

ผมได้ค้นคว้าหาตารางเปรียบเทียบจาก Kerndt et al published a study ซึ่งได้ทำการบันทึกค่าเลือดของอาสาสมัครคนหนึ่ง ที่ทำฟาสติ้ง 40 วันด้วยเหตุผลทางศาสนา ซึ่งก็ได้ค่าที่ไปในทางเดียวกัน

  • ค่าระดับน้ำตาลต่ำลง เหลือ 65
  • ค่า Cholesterol และ LDL เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีกระบวนการ Lipolysis เกิดขึ้น
    • จะสังเกตุได้ว่า ตอนที่เริ่มทำคีโตไดเอท ค่าเหล่านี้ก็จะขึ้น แต่มันจะปรับตัวลงเอง
    • การที่เราทำฟาสติ้งเป็นเวลานาน การเผาพลาญไขมันเป็นพลังงาน เป็นสิ่งที่ร่างกายกำลังทำอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น การที่มี Triglycerides ถูกดึงออกมาสลายแบ่งตัวเป็น fatty acid และ glycerol จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อนำไปสร้างคีโตน และ สร้างกลูโคสไปเก็บไว้ในไกลโคเจน
    • ผมเชื่อว่าการทำฟาสยาวๆ จะช่วยเรื่องของ ดีท๊อกซ์ ร่างกาย ซึ่งคอลเลสเตอรอล ต้องทำงานอย่างหนักเหมือนกับพนักงานดับเพลิงเลย มันจึงต้องมีมากขึ้นในร่างกายครับ
    • จากผลเลือดของเมื่อปี 1980 ซึ่งตอนนั้นยังไม่มียาลดคอลเลตเตอรอล และยังไม่มีโรคร้ายมากเท่าในปัจจุบัน จะเห็นว่าค่า Total lipids ก็คือค่า Total cholesterol ในปัจจุบัน เค้าก็สูงครับ ลองศึกษาดูดีๆครับ ใครที่ได้ประโยชน์ในการที่จะโปรโมทว่า คอลเลตเตอรอลสูงแล้วจะไม่ดี เมื่อก่อนตอนแรกกำหนดเอาไว้ 300 mg ตอนนี้ลดลงมาเหลือ 200 mg
  • ค่าคีโดนเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะให้มีพลังงานให้ ร่างกายและสมอง ไว้ใช้งาน

Blood work July 10 2017.jpg

Kerndt-study.jpg
ทีมา:

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s