รักษาด้วยความเย็น หรือ Cold Thermogenesis (CT)
การใช้ความเย็น เพื่อการพัฒนาหรือรักษาสุขภาพ เป็นวิธีที่พูดกันมากในปัจจุบัน บางทีเค้าก็เรียกกันว่า Winhof method
เริ่มจาก Mr. Wim Hof หรือที่คนในโลกอินเตอร์เน็ท เรียกเค้าว่า มนุษย์น้ำแข็ง (Ice man) ซึ่งเค้าเป็นคนที่ทำลายสถิติโลกทั้งหมด มากกว่า 20 ประเภท รวมถึง การขึ้นภูเขาเอเวอร์เรสโดยการใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียวเท่านั้น / การแช่น้ำเย็นที่ต่ำกว่า 0 องศา เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง / เค้าสามารถวิ่งมาราธอนข้ามขั้วโลกเหนือ ด้วยกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว โดยใช้เวลาไม่ถึง 6 ชั่วโมง และเค้าไม่เคยวิ่งมาราธอนมาก่อนในชีวิต / วิ่งมาราธอนอีกครั้งในทะเลทราย นามิน ที่มีความร้อนมากกว่า 40 องศา โดยไม่ดื่มน้ำเลยแม้แต่หยดเดียว / ทำลายสถิติการดำน้ำระยะทาง 80 เมตร ใต้ผิวน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งที่ไม่สามารถโผล่ขึ้นมาหายใจได้ ภายใต้อุณหภูมิ -30 องศาที่โหดร้ายในขั้วโลกเหนือ
การใช้ความเย็น เข้ามาช่วยในการรักษา ได้มีการพิสูจน์และทดลองทางวิทยาศาสตร์ในหลายต่อหลายครั้ง ยกตัวอย่างเช่น
- การทดลองกับมนุษย์ ที่พบว่า ความเย็นช่วยเพิ่มศักยภาพการใช้พลังงาน (energy expenditure) และ ช่วยในการลดไขมัน (fat loss)
- การเพิ่ม BAT หรือ Brown Adipose Tissue หรือ ชั้นไขมันสีน้ำตาล ซึ่ง BAT มีนัยยะสำคัญในการเพิ่มการเผาพลาญพลังงาน โดยการใช้ความเย็นเข้ามาร่วมด้วย
- แพทย์ในหลายสาขา ใช้การรักษาด้วยความเย็น เพื่อช่วย การเพิ่มการทำงานของฮอร์โมนเลปติน (leptin sensitivity), รักษาโรค multiple sclerosis และ rheumatoid arthritis, การเพิ่มประสิทธิภาพความแข็งแรง, ช่วยเร่งการสมานแผล (wound healing), ช่วยเรื่องการลดไขมัน เป็นต้น
- การใช้เครื่อง whole-body cryotherapy เพื่อการเป็นเลิศทางด้านการกีฬา โดยการเข้าไปนั่งในเครื่อง Cryo Chamber ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า -160 องศา เป็นเวลา 2-3 นาที โดยมีจุดประสงค์ในการเร่งการ Recovery ของนักกีฬาให้เร็วมากขึ้น และ เพิ่มประสิทธิภาพของร่างกายนักกีฬา
ซึ่งผมเองได้นำการรักษาแบบ CT มาใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อพัฒนาร่างกายในหลายด้าน ที่ผมรวบรวมข้อมูลประโยชน์ทางด้านวิทยาศาสตร์ มาได้ดังนี้
- เพื่อเพิ่มจำนวน Brown Adipose Tissue (BAT), ในร่างกายคนเราจะมีไขมันอยู่ 2 ประเภท คือ
- White Adipose Tissue (WAT) จะเป็นชั้นไขมันที่ใช้เก็บพลังงาน (energy) ในร่างกาย
- Brown Adipose Tissue (BAT) จะเป็นชั้นไขมันที่ให้ความร้อน (heat) แก่ร่างกาย
- ร่างกายมนุษย์จะมี BAT มากกว่า WAT ตอนที่เราเกิดมา แล้วเราจะมีจำนวน BAT น้อยลงเรื่อยๆเมื่อเติบโตขึ้น โดยที่อัตราส่วนของ WAT จะมากขึ้น จะสังเกตุเห็นได้ว่า เด็กแรกเกิด จะไม่มีอาการสั้นสะท้านเมื่ออยู่ในน้ำเย็น การที่ BAT มีสีน้ำตาลเนื่องจากมีจำนวน ไมโทครอนเดรีย หนาแน่นมากกว่า WAT และ มันสามารถเผาพลาญพลังงานที่เก็บสะสมไว้ใน WAT ของร่างกายออกมาเป็นความร้อน
- คนอ้วน (obesity) ที่มีชั้นไขมันมาก หรือ มี WAT จำนวนมาก เนื่องจาก มีการเก็บพลังงานเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น เหมือนกับ หมี ที่กำลังต้องเข้าโหมดจำศีล (hibernation) แต่ในความเป็นจริงของคนที่อ้วน (obesity) คือ เก็บไขมันตลอดเวลา ไม่มีโหมดในการจำศีลเกิดขึ้นเลย
- ซ่อมและสร้าง ไมโทครอนเดรีย ใหม่ให้เกิดขึ้น
- การใช้ความเย็นเข้ามาช่วย จะทำให้ร่างกายเกิดความเครียด (street) และ จะสร้างอนุมูลอิสระ (Free radical) ขึ้น ร่างกายเราจะตอบสนองต่อ ROS โดยการซ่อมหรือสร้าง ไมโทครอนเดรีย โดยส่วนหนึ่งจะไปสร้างเพิ่มไว้ใน BAT ซึ่งสามารถทำให้ WAT กลายเป็น BAT ได้ด้วย เพราะ ร่างกายต้องการความร้อน (heat) ในขณะนั้น
- กระตุ้นการทำงานของ Adinopectin
- Adiponectin มีผลต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆ และ ระดับ Adiponectin จะมีความสัมพันธ์กับโรคหลายชนิด รวมทั้งสามารถนำมาบ่งบอกสภาวะร่างกายได้หลายประการ เช่น ผู้ที่เป็นเบาหวานแบบที่ 2, ความดันโลหิตสูง, โรคไตเรื้อรัง, โรคหลอดหัวใจเลือดตีบ จะมีระดับ Adiponectin ต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้เป็นโรค
- Adiponectin มีผลต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆ และ ระดับ Adiponectin จะมีความสัมพันธ์กับโรคหลายชนิด รวมทั้งสามารถนำมาบ่งบอกสภาวะร่างกายได้หลายประการ เช่น ผู้ที่เป็นเบาหวานแบบที่ 2, ความดันโลหิตสูง, โรคไตเรื้อรัง, โรคหลอดหัวใจเลือดตีบ จะมีระดับ Adiponectin ต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้เป็นโรค
- เพิ่มประสิทธิภาพของระบบ ภูมิคุ้มกัน
- การใช้ความเย็นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เซลล์ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อและโรคร้ายต่างๆได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเร่งการทำงานของ norepinephrine – โดยการเพิ่มจำนวนของ leukocytosis และ granulocytosis ซึ่งทำให้การหมุนเวียนของ interleukin-6 ดีมากขึ้น
- Dr. Rhonda Patrick ได้กล่าวถึงประโยชน์ไว้ว่า Norepinephrine สามารถเพิ่มขึ้นได้ 200-300% โดยการแช่ในน้ำเย็นที่มีอุณหภูมิใกล้ 0 องศาเป็นเวลา 20 วินาที / 3 ครั้งต่ออาทิตย์
- เพิ่มอายุให้แก่เซลล์ในร่างกาย (Increased Cell Longevity)
- mTOR เป็นโปรตีนชนิดนึงที่พบได้ในร่างกายมนุษย์ โดยในการทดลองของการมีอายุยืนในสัตว์ทดลอง โดยการอดอาหาร หรือ caloric restriction จะพบว่า จะมีการขัดขวางการทำงานของ mTOR (Inhibition of mTOR pathway) ทำให้เกิดการที่เซลล์เก่าจะกลืนกินกันเอง หรือ autophagy ซึ่งเป็นการกำจัดเซลล์ที่ไม่ดีทั้งหลายโดยการทำลายให้หมดไป ทำให้เซล์ในร่างกายอยู่ได้นานขึ้นและแข็งแรงขึ้นด้วย
- การใช้ความเย็น จะมีผลลัพท์ที่เหมือนกับการทำ calorie restriction หรือ การทำ Intermittent Fasting โดยสามารถคัดขวางการทำงานของ mTOR เพื่อให้เกิดประโยชน์ในเรื่องของ Cell Longevity ได้
- เพิ่มการเผาพลาญ และ ลดระดับน้ำตาลในเลือด
- การใช้ความเย็น ช่วยให้ร่างกายเผาพลาญน้ำตาลในเลือดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจาก ร่างกายต้องการความร้อน หรือ การนำความร้อนไปเก็บไว้ในกล้ามเนื้อเมื่อต้องการที่จะซ่อมแซม หรือ เพิ่มประสิทธิภาพ (recovery or performance)
- ในการศึกษาเรื่อง Brown Adipose Tissue ในมนุษย์ โดยใช้เครื่อง PET scan (Positron emission tomography ควบคู่กับ CT scan (Computed tomography) พบว่า การเผาพลาญน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น 12 เท่าใน BAT ในขณะที่ทำร่างกายให้อยู่ในความเย็นที่ต่ำ และ ยังพบว่า มีการเผาพลาญพลังงานที่มากขึ้น ในขณะเดียวกัน
- เพิ่มการทำงานของ Heat Shock proteins (HSP)
- เป็นกลุ่มของโปรตีนที่สร้างจากเซลล์ เพื่อป้องกันตัวเองจากสิ่งแปลกปลอมได้
ข้อควรระวังในการทำ Cold Thermogenesis
- ถ้าคุณมีโรคประจำตัวที่ร้ายแรง ควรที่จะปรึกษาแพทย์ ก่อนที่ทำ Cold Thermogenesis
- ถ้ามีอาการ เวียนหัว หรือ ผิวหนังมีการเปลี่ยนสี ควรหยุดการทำทันที
- ถ้าอยู่ในความเย็นที่ต่ำมากเป็นเวลานาน ทำให้เกิด ฟรอสไบท (Frostbite) หรือ โรคหิมะกัด ได้
วิธีการทำ Cold Thermogenesis (CT) ในแบบของ NuEnG KetoDaddy
- Face Dunking
- ล้างหน้าให้สะอาด
- เตรียมเอาหน้าแช่น้ำเย็น โดยผมจะไปซื้อน้ำแข็งถุง มาใส่ในกาละมัง เติมน้ำแล้วรอให้มันเย็นจนได้อุณหภูมิประมาณ 15 องศา
- กลั้นหายใจและจุ่มหน้าลงไป ให้ได้สัก 4-5 รอบ หรือ มากกว่านั้นถ้าเริ่มคุ้นเคยกับการทำ Face Dunking
- นำน้ำเย็นที่เหลือ เอามาอาบ
- แนะนำให้เริ่มจากการทำ Face Dunking สัก 1-2 อาทิตย์ ก่อนที่จะแช่น้ำเย็นแบบทั้งตัว เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับสภาพได้เต็มที่
- การใช้ความเย็นในบางส่วนของร่างกาย
- ใช้ ice-packed vest หรือ อุปกรณ์บ้านๆแบบที่ผมใช้ก็ได้ ตามรูปข้างล่าง
- ควรใส่เสื้อปกคลุมไว้สัก 1 ชั้นตอนเริ่มทำ เพื่อ ป้องกัน ฟรอสไบท (Frostbite)
- เริ่มจาก 10-15 นาทีก่อน ถ้ายังไม่เคยทำ
- ผมจะเริ่มโดยการเอา ice-pack มาใส่ตามรูป โดยที่ครึ่งชั่วโมงแรกจะมีเสื้อขั้นอยู่ระหว่าง ice-pack กับ ร่างกาย หลังจาก 30 นาที ผมก็จะเลิกเสื้อขึ้นให้ผิวสัมผัสกับ ice-pack โดยตรง
- ผมจะทำจน ice-pack หมดความเย็น และ สามารถทำได้ทุกวัน ถ้าต้องการ
- การแช่ในน้ำเย็น แบบทั้งตัว ซึ่งในปัจจุบัน เราสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
- เข้าเครื่อง Cryotherapy ที่มีอุณหภูมิ -110 องศา เป็นเวลา 2-3 นาที แต่เครื่องนี้อาจจะมีไม่กี่เครื่องในเมืองไทย และ ค่าบริการน่าจะแพงเอาเรื่องอยู่
- การแช่น้ำเย็น โดยการแช่ในอ่างน้ำ ที่เราอาจจะใส่น้ำแข็งก้อนสัก 3-4 ถุง แบบนี้ก็ประหยัดดี ทำได้ทุกเมื่อ โดยสามารถแช่ให้นานที่สุดเท่าที่เราทำได้ อาจจะเริ่มโดยการใส่ถุงมือและถุงเท้า ก่อนก็ได้ สามารถเอาออกได้ถ้าร่างกายเราคุ้นเคยกับการนอนแช่ในอ่างน้ำเย็น
- แช่ในบ่อน้ำเย็น ตามซาวน่าที่มีบ่อน้ำเย็นไว้ให้บริการ ซึ่งบ่อน้ำเย็นควรจะมีอุณหภูมิประมาณ 10-15 องศา โดยเริ่มจากไม่เกิน 5 นาทีก่อน ถ้าคุ้นเคยก็อยู่ได้นานขึ้น ซึ่งผมใช้วิธีนี้ โดยแช่อยู่ในน้ำเย็น 7-15 นาทีต่อครั้ง ทำให้ได้ 4 รอบ
- อาบน้ำเย็น ธรรมดา ไม่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นเลย แต่เนื่องจากน้ำประปาในบ้านเรา ไม่ได้เย็นอะไร ก็อาจจะช่วยได้นิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำให้เกิด effect อะไรมากมายนัก นอกจากเย็นสบายดี
สุดท้ายนี้ ก็ขอฝากข้อมูลเหล่านี้เอาไว้ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกครับ ยังไงเอาไปลองกันดูนะครับ
ขอบคุณครับ
NuEnG KetoDaddy