อุปกรณ์มือถือ กับ ค่า SAR

Posted by

สวัสดีครับทุกคน

วันนี้จะมาเขียนเรื่องที่น่าสนใจ และ น่าสะพรึงกลัว ชนิดที่เรียกว่า ขนหัวลุกเลยละ ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ ถ้าเป็นสมาชิกที่ติดตามผมมานาน จะทราบว่า เรามักจะคุยกันเรื่องโภชนการและการออกกำลังกายเป็นส่วนมาก โดยที่จะลิงค์กับเรื่องสุขภาพ แต่อย่างไรก็ตาม มันยังมีเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมากมายในการที่เราต้องทราบ เนื่องจาก อาหาร เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น

จากการที่ผมได้ค้นคว้าด้วยตัวเองมาสักระยะนึง ได้พบว่า มันยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ผมมองว่า เป็นการเรียนรู้เพื่อป้องกัน และ เรื่องต่างๆเหล่านั้นมันก็ยังเชื่อมโยงกันหมดอย่างไม่น่าเชื่อ โดยที่ผมอาจจะนำมาเล่าให้ฟังเป็นตอนๆ เพื่อจะได้นำมาเชื่อมโยงกันอีกทีในภายหลังครับ

เรื่องในวันนี้ อยากจะเริ่มที่ เรื่องใกล้ตัว คือ การใช้งานมือถือ ซึ่งเราต้องยอมรับว่า ปัจจุบันมือถือ ถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งในการดำรงชีวิต โดยเฉพาะ คนที่อาศัยอยู่ในเมือง ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่เรื่มมีระบบ GSM จะพบว่าการใช้งานมือถือ เป็นที่นิยมมากขึ้น สมัยก่อนมือถือ มีขนาดใหญ่ พกพาลำบาก (แต่คนสมัยนั้นถือว่า เท่หฺ์มาก ถ้าถือโมโต รุ่นกระติกน้ำ 555) ราคาเหยียบแสน แต่ตอนนี้ ใครๆก็ต้องมี บางคนมีมากกว่า 1 เครื่องด้วยซ้ำไป หรือแม้กระทั่งเด็กๆ ที่ยังต้องมีมือถือกันเป็นส่วนใหญ่ ถ้าพ่อแม่สามารถจะซื้อหาให้ได้

รู้หรือไม่ว่า ในอุปกรณ์อิเล็กโทรนิค โดยเฉพาะมือถือและแท๊ปเล็ต มีค่าๆหนึ่ง เรียกว่า SAR (Specific Absorption Rate) (โดยที่ไม่เปิด Bluetooth and WiFi) ซึ่งเป็นค่าวัดระดับรังสีที่ออกมาจากอุปกรณ์สื่อสาร หน่วยเป็น วัตต์ (W) ที่จะถูกร่างกายดูดซับได้ต่อน้ำหนักของเนื้อเยื่อ (tissue) หน่วยเป็น กิโลกรัม (Kg) ซึ่งก็จะเป็น วัตต์ต่อกิโลกรัม (W/Kg) โดยที่ค่าสูงสุดที่ถูกกำหนดโดย FCC จะอยู่ที่ 1.6 W/Kg สำหรับค่าที่จะกระทบกับบริเวณศีรษะ (head) และ 0.08 W/Kg สำหรับค่าที่กระทบกับทั้งร่างกาย (whole-body), และ 4 W/Kg สำหรับค่าที่จะกระทบหรื่อสัมผัสกับช่วงมือ, ข้อมือ, ขา, และข้อเท้า (FCC 1997, 1999)

โดยตัวเลข 4 W/Kg ที่ทาง FCC เลือกใช้ ได้ขัดแย้งกับ EPA (United Stated Environmental Protection Agency 1984) ถึง 4 เท่า ที่ระบุว่า ค่าสูงสุดของ SAR ควรจะอยู่ที่ 1 W/Kg ซึ่งค่านี้ จะเป็นค่าของความถี่ของรังสี (radiofrequency) ที่จะสร้างความร้อนในเนื้อเยื่อ จนทำให้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพได้ใน หนู, ลิง, และ มนุษย์ (potentially adverse effect in human being) (IEEE 2006)

การตรวจวัด SAR ของอุปกรณ์ก่อนที่จะถูกนำมาขายในท้องตลาดโดย FCC ทำการทดสอบกับ ศีรษะเทียมที่บรรจุน้ำไว้ข้างใน แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไปในอุปกรณ์แล้ววัดค่าที่ได้ ซึ่งการทดสอบ ไม่ได้คำนึงถึง การซึมซับรังสีที่อาจจะเกิดได้ใน ศีรษะของเด็ก ที่มีความหนาของกระโหลกน้อยกว่า และ มีปริมาณของน้ำและสารไอออน มากกว่า เมื่อเทียบกับศีรษะของกระโหลกผู้ใหญ่

สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นถ้าเรารับสัญญาณจากมือถือเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เกิดโรคและอาการหลายอย่าง เช่น ปวดหัว, นอนไม่หลับ, เกิดการเปลี่ยนแปลงของยีนส์และ DNA, ก่อให้เกิดมะเร็งในร่างกาย, ความดันโลหิตผิดปรกติ, ร่างกายอ่อนแรง, ระบบการย่อยเสียหาย, ชะลอการเติบโตของเซลล์ในร่างกาย, ความจำเสื่อม, กระทบกับระบบเมตาโบริสึม, กระทบกับระบบฮอร์โมน, เชื้อสเปิร์มน้อยลง, ฯลฯ
http://www.emfwise.com/tableofeffects.php

สำหรับคนที่ใช้ Apple iphone คุณได้กดยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ยืนยันกับทางผู้จำหน่ายเรียบร้อยแล้วนะครับ เค้าระบุว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นจากการใช้งาน เค้าไม่ต้องรับผิดชอบครับ ตามนี้ https://www.apple.com/legal/sla/

เพราะฉะนั้น เราควรที่จะป้องกันตัวเองจากการใช้งานอุปกรณ์มือถือของเรา โดยการ
– ปิดเครื่อง หรือ เปิด Airplane โหมด ถ้าไม่ได้ใช้งาน หรือ ตอนนอน
– อย่าชารต์มือถือในห้องนอน หรือ ใกล้ที่เราจะนอน ถ้าปิด Wifi ในบ้านได้ ด้วยจะดีมาก
– อย่าใช้มือถือติดกับศีรษะ ควรให้มีระยะห่างอย่างน้อย 5mm หรือ เปิดลำโพงเอา
– อุปกรณ์หูฟัง ไม่ว่าจะเป็น แบบสาย หรือ Bluetooth ก็ยังสามารถขยายสัญญาณ RF ออกมา ไม่ควรใช้เป็นเวลานาน
– ตรวจวัดค่า RF ที่ถูกส่งออกมา เพื่อความมั่นใจ ด้วยอุปกรณ์ Gauss meter / Magnetic Fields meter / RF meter / หรือ EMF meter
– ไม่ควรให้ เด็ก ใช้งานมือถือ หรือ นำมาวางไว้ใกล้ๆ
– ไม่ควรพกมือถือในกระเป๋ากางเกง หรือ ในเสื้อ ที่ใกล้ตัวเราเกินไป

เรียนรู้เรื่อง SAR เพิ่มเติมได้ที่นี้:
https://www.rfsafe.com/specific-absorption-rate-sar-fcc-ce…/

ค่า SAR ใน iphone 6 ที่มีค่าสูงมาก หาอ่านได้ที่นี้:
https://www.rfsafe.com/simultaneous-rating-iphone-6-sar-ne…/

บทความที่ให้เห็นว่าค่า SAR ที่ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด ก็สามารถก่อให้เกิดมะเร็งตับ ปอด และ ต่อมน้ำเหลืองได้
https://www.rfsafe.com/new-study-finds-non-thermal-wireles…/

เข้าไปหาค่า SAR level ของมือถือรุ่นที่คุณใช้อยู่ได้ที่นี้:
https://www.rfsafe.com/brand/apple/

Original post: https://www.facebook.com/nuengketo/posts/555291761497483

bombardment-web-ex

Leave a comment